แบตเตอรี่แห้งและแบตเตอรี่น้ำ แตกต่างกันอย่างไร
ถ้าเปรียบเทียบรถจักรยานยนต์เป็นร่างกายคน แบตเตอรี่ก็ถือว่าเป็นอวัยวะสำคัญอย่างหัวใจเลยทีเดียว เพราะถ้าไม่มีแบตเตอรี่หรือแบตเตอรี่เสีย รถก็จะไม่สามารถทำงานได้เลย เมื่อถึงตอนนั้นเราก็จะต้องหาแบตเตอรี่ใหม่มาแทน
และวันนี้ Prime จะมาบอกว่าแบตชนิดต่างๆนั้น แตกต่างกันอย่างไร และมีข้อดี ข้อเสียอะไรบ้าง เริ่มด้วย
1.แบตเตอรี่น้ำ
แบตเตอรี่น้ำ เป็นแบตเตอรี่ที่ต้องเติมน้ำกลั่น และต้องดูแลเป็นประจำ จะต่างจากแบตเตอรี่แห้งอย่างมาก เพราะจะต้องมีการตรวจเช็คทุก ๆ สัปดาห์ เพื่อให้แบตเตอรี่น้ำนั้นอยู่ในสภาพพร้อมใช้ตลอดเวลา
-
ข้อดีของแบตเตอรี่น้ำ
- แบตเตอรี่น้ำ มีราคาที่ถูกกว่าแบตเตอรี่แห้ง
- มีความทนทานต่อการรับโหลดทั้งการประจุและคายประจุ
- อายุการใช้งานของแบตแบบน้ำ จะนานกว่า แบตแบบแห้ง ยิ่งถ้าหากมีการดูแลรักษาอย่างดี อาจจะนานกว่า แบตแห้ง 3 – 5 เดือนเลยทีเดียว
-
ข้อเสียของแบตเตอรี่น้ำ
- ต้องดูแลระดับน้ำ เป็นอย่างดีหากลืมเติมน้ำกลั่นมีโอกาศเสียได้ง่าย
- ต้องคอยเช็คดูแลการประจุและต้องเติมน้ำกลั่นอยู่เสมอ เนื่องจากมีการระเหยหรือโอกาสที่จะรั่วหกได้
- ค่าแอมป์ และ ค่า CCA น้อยกว่าแบตเตอรี่แห้ง
2.แบตเตอรี่แห้ง
แบตเตอรี่แห้ง เป็นแบตเตอรี่ที่ได้รับความนิยมมาก เนื่องจากแบตเตอรี่แห้งนั้นไม่จำเป็นต้องดูแลเลย ไม่ต้องคอยเติมน้ำกลั่น ซึ่งจะต่างจากแบตน้ำมาก เพราะด้วยความที่แบตเตอรี่แห้งนั้นไม่ต้องเติมน้ำกลั่น ไม่ต้องดูแล ทำให้ สะดวกสบายในการใช้งาน พร้อมทั้งไม่ต้องเสียเวลาดูแลแบตตลอดอายุการใช้งาน และแบตเตอรี่แห้งนั้นยังสามารถปล่อยทิ้งไว้ในสภาพไม่มีไฟประจุได้ในระยะเวลานานกว่าแบตธรรมดาอีก
-
ข้อดีของแบตเตอรี่แห้ง
- ไม่ต้องเติมน้ำกลั่น ทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องคอยห่วงกังวลว่าจะลืม
- สามารถดูแลรักษาได้ง่าย ไม่ยุ่งยาก
- สามารถปล่อยแบตเตอรี่ทิ้งไว้ในสภาพไม่มีไฟประจุได้นานกว่าแบตประเภทเติมน้ำกลั่น
- แบตเตอรี่ต์แห้ง มีเทคโนโลยีที่เหนือกว่าแบบน้ำ แอมป์สูงกว่า และ ค่า CCA เยอะกว่า
-
ข้อเสียของแบตเตอรี่แห้ง
- แบตเตอรี่แห้ง มีราคาที่สูงกว่าแบตเตอรี่น้ำ
- มีระบบปิดที่มีรูระบายแบบทางเดียว และมีขนาดเล็ก จึงมีโอกาสอุดตันได้ง่าย ซึ่งถ้าเกิดอุดตันแล้วก็อาจเกิดปัญหาแรงดันภายในหรือความร้อนมาก
- ถ้าหากเป็นแบบที่ปิดผนึกซีลไม่ใช้อีเล็กโตรไลท์ หากซีลของช่องหายใจหลุด อาจจะเกิดความเสียหายขึ้นได้ เนื่องจากมีความชื้นเข้าไปภายใน
แต่สุดท้ายแล้วการที่คุณจะเลือกว่าควรจะใช้แบตแบบใด ก็ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ของคุณเอง ว่าลักษณะการใช้รถของคุณเป็นอย่างไร มีเวลาว่างในการดูแลแบตมากน้อยแค่ไหน และพิจารณาถึงข้อดีข้อเสียของแบตแต่ละแบบ และคุณก็จะได้แบตที่เหมาะกับรถของคุณเอง